เรียกได้ว่าิในช่วงสถานการณ์ชั่วโมงนี้ หลางๆคนทั่วประเทศต่างได้รับผลกระทบ กันเกือบหมดทั่วประะเทศ ซึ่งหลายอาชีพได้รับผลกระทบด้านค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ บางบริษัทบางจิจการ รวไปถึงห้างสรรพสินค้านั้น ปิดตัวลงหรือหยุดช่วคราว ทำให้หลายๆคน ตกงาน ไม่มีรายได้ ทำให้ค่าใช่จ่ายต่าง ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช่จ่ายส่วนตัว หรือครอบครัว ต้องสดุด
ซึ่งในส่วนของการช่วยเหลือของรัฐบาลนั้น ได้ออกมาตรการ ช่วยเหลือหลายมาตรการ ทั้งนี้วินาทีนี้ต้องบอกว่าช่วยได้เยอะเลยจริงๆ
ล่าสุด สืบเนื่องจากสถานการณ์ CV19 ระบาดระลอกนี้ กินระยะเวลายาวนานกว่าครั้งก่อนๆ ทำให้ผู้คนประสบความเดือดร้อนมาก โดยเฉพาะประเด็นเรื่องปากท้องและเงินทองไม่มี เนื่องจากรายได้ลดลง ทำงานไม่ได้ บางรายถูกเลิกจ้างนั้น นายสุทธิ จันทรวงษ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า
สืบเนื่องจากสถานการณ์ CV19 ระบาดระลอกนี้ กินระยะเวลายาวนานกว่าครั้งก่อนๆ ทำให้ผู้คนประสบความเดือดร้อนมาก โดยเฉพาะประเด็นเรื่องปากท้องและเงินทองไม่มี เนื่องจากรายได้ลดลง ทำงานไม่ได้ บางรายถูกเลิกจ้างนั้น นายสุทธิ จันทรวงษ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า
เนื่องด้วยประชาชนสามารถเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือของรัฐผ่านระบบออนไลน์ เช่น โครงการเราชนะ โครงการคนละครึ่ง ฯลฯ พส.จึงได้เปิดบริการยื่นขอรับเงินช่วยเหลือออนไลน์ หรืออีเซอร์วิส เพื่อให้ประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนจากโควิด-19 เช่น รายได้ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ ไม่มีงานทำ มีหนี้สิน หรือป่วยเป็นโรคร้ายแรง เป็นต้น สามารถสแกนคิวอาร์โค้ด หรือคลิก ยื่นคำขอรับบริการ ในเว็บไซต์กรม พส.
www.dsdwservice.dsdw.go.th
แสกนคิวอาร์โค้ด
นายสุทธิ กล่าวอีกว่า จากนั้นกรอกข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด เลขบัตรประชาชน ที่อยู่ พร้อมแนบไฟล์เอกสาร เช่น บัตรประชาชน ฯลฯ ก่อนให้ระบุสภาพความเดือดร้อนและสิ่งที่อยากขอความช่วยเหลือ เช่น ไม่มีงาน อยากให้ช่วยจัดหาอาชีพให้ ไม่มีเงินทุนประกอบอาชีพ อยากกลับภูมิลำเนาแต่ไม่มีค่าเดินทาง เป็นผู้ติดเชื้อเอดส์ ต้องการถุงยังชีพ ฯลฯ แล้วกดส่ง
ต่อมาจะเข้าสู่ขั้นตอนการรับและตรวจเคส โดยเจ้าหน้าที่ พส.จะตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ด้วยการโทรกลับไปสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการเบื้องต้น แล้วนัดวันที่ผู้ร้องสะดวกเพื่อส่งนักสังคมสงเคราะห์ลงเยี่ยมบ้าน แต่อย่างช่วงนี้ที่โคCV19 แพร่กระจายหนัก จะใช้วิธีให้อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ที่อยู่ในชุมชนอยู่แล้ว เข้าไปเยี่ยมบ้านแทนและแจ้งข้อมูลมาให้นักสังคมสงเคราะห์อีกที เมื่อใส่ข้อมูลการเยี่ยมบ้านเข้ามาในระบบ จากนั้นจะพิจารณาว่าผู้ร้องมีคุณสมบัติได้รับเงิน 3,000 บาท ซึ่งเป็นเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย ที่ให้ครั้งละไม่เกิน 3,000 บาท ได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปีหรือไม่
เบื้องต้นในช่วงสถานการณ์โควิด เราได้ผ่อนคลายระเบียบและกำหนดว่าตั้งแต่รับเรื่องมาจนถึงโอนเงินเข้าบัญชี จะต้องใช้เวลาไม่เกิน 5 วัน ส่วนกรณีถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่ จะใช้สิทธิขอเงิน 3,000 บาทได้หรือไม่นั้น นายสุทธิกล่าวว่า
หากตรวจสอบแล้วว่าเป็นผู้เดือดร้อนและยากจนจริง สามารถรับเงินในส่วนนี้ได้ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ เราจะแจ้งตอนลงเยี่ยมบ้านเลยว่าไม่ได้เพราะอะไร อย่างเคยมีกรณีผู้สูงอายุท่านหนึ่ง แจ้งว่าไม่มีทรัพย์สิน รายได้ ปรากฏว่าพอลงเยี่ยมบ้าน ทราบความจริงว่ามีลูกที่เป็นข้าราชการเลี้ยงดูอยู่ อยู่ในบ้านใหญ่โต เราก็แจ้งเลยว่ายังไม่เข้าคุณสมบัติ เพราะเงินนี้ให้สำหรับผู้เดือดร้อนจริงๆ นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมต้องให้นักสังคมสงเคราะห์ลงเยี่ยมบ้านก่อน